วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 อันดับสัตว์ที่ทำงานหนักที่สุดในโลก

10. ปลาคาราซินสะบัดหาง (Characin Fish)


อยู่แถบลุ่มน้ำอะเมซอน พวกมันไม่วางไข่ในน้ำ เพราะมีสัตว์อื่นคอยจะกินไข่ของมันอยู่มากมาย มันจึงกระโดดขึ้นไปวางไข่ตามใบไม้เหนือผิวน้ำ โดยปลาตัวผู้และตัวเมียจะกระโดดขึ้นไปพร้อมกัน เอาตัวไปแปะที่ใบไม้ โดยตัวผู้จะผสมพันธุ์และตัวเมียก็จะวางไข่บนใบไม้ ทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนมีไข่ประมาณ 50 ฟอง จากนั้นตัวผู้จะต้องคอยวิดน้ำขึ้นไปที่ไข่ซึ่งอยู่บนใบไม้ เพื่อไม่ให้ไข่แห้ง เพราะถ้าไข่แห้งลูกปลาก็จะตาย มันต้องสะบัดหางเพื่อวิดน้ำนาทีละ 1 ครั้ง กว่าไข่จะโตเต็มที่ตัวผู้ก็ได้สะบัดหางไปมากกว่า 6,000 ครั้ง ซึ่งก็ประมาณ 4 วัน ติดต่อกันโดยไม่ได้หยุดพัก

9. เพนกวินจักรพรรดิ (Emperor Penguin)


อยู่แอนตาร์กติก ตัวผู้ต้องเฝ้าไข่บนอุ้งเท้าอย่างทะนุถนอมเป็นเวลาอย่างน้อย 7 สัปดาห์ มันต้องระมัดระวังเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากไข่ร่วงลงบนพื้นน้ำแข็ง ไข่จะเย็นจนแข็งภายใน 2 นาที และลูกของมันก็จะตาย เพนกวินจักรพรรดิจึงถือว่าเป็นสัตว์ที่ต้องทำงานในสภาพที่โหดร้ายที่สุดในโลก มันต้องอยู่โดยไม่ต้องกินอาหารตลอดสามเดือน รอตัวเมียกลับมาที่ฝูง ทำให้มันเสียน้ำหนักตัวไปถึง 45%

8. นกบาวเวอร์ หรือ นกสร้างซุ้ม (Bower Bird)


อยู่ในป่าร้อนชื้นของออสเตรเลีย มันใช้เวลา 6 เดือนในช่วงกลางวันสร้างซุ้มจากฟาง ซึ่งซุ้มที่ว่านี้ไม่ใช่รัง แต่เป็นเหมือนบ้านของชายโสดที่มันภาคภูมิใจและวุ่นวายสร้างสรรค์เป็นอย่างดี เพราะมันจะใช้ซุ้มที่สร้างจากฟางนี้ดึงดูดความสนใจจากเพศเมีย พวกมันเป็นศิลปินโดยธรรมชาติ ซุ้มของมันจะถูกตกแต่งอย่างดี ทั้งใหญ่ และคงทน วัสดุที่นำมาใช้ก็ไม่ใช่แค่ฟาง แต่เป็นอะไรก็ตามที่มันชอบ นกบาวเวอร์แต่ละสายพันธุ์ก็มีความชอบในสีสันที่แตกต่างกันออกไป และบางสายพันธุ์ก็รู้จักระบายสีซุ้มของมันด้วยวัสดุธรรมชาติ ถ้าซุ้มของมันน่าสนใจพอ ในเวลา 6 เดือน มันอาจมีโอกาสผสมพันธุ์กับเพศเมียถึง 50 ตัว แต่มันก็เหมือนคนบ้างานที่ไม่มีเวลาสร้างครอบครัว เพราะตัวเมียจะต้องสร้างรัง และเลี้ยงลูกเองตามลำพัง

7. สุนัขล่าเนื้อแอฟริกา (African Hunting Dog)


พวกมันเคลื่อนที่และเดินทางตลอดเวลาเพื่อหาเหยื่อ ไม่เคยอยู่ที่ไหนนานเกิน 1 วัน มันทำงานเป็นทีม และผลัดกันล่า พวกมันวิ่งด้วยความเร็วเกือบ 2 เท่าของมนุษย์ได้เป็นเวลานานครั้งละเป็นชั่วโมง การล่าของพวกมันประสบผลสำเร็จประมาณ 60% (ซึ่งมากกว่าสิงโตที่การล่าแต่ละครั้งมีโอกาสสำเร็จเพียง 30%) มันจึงถือเป็นนักล่าที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ตัวเมียออกลูกได้ถึงคอกละ 20 ตัว แน่นอนว่าผู้เป็นแม่ของมันคงหาเลี้ยงไม่ไหว พวกลูกสุนัขจึงมีวิธีการหากินโดยการไล่เลียปากของสุนัขล่าเนื้อผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้มันอาเจียนอาหารออกมา

6. สิงโตเพศเมีย (Female Lion)


ไม่เพียงแต่ต้องล่าเหยื่อ แต่มันต้องเลี้ยงดูลูก ๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นงานที่หนักเพราะลูกสิงโตต้องกินอาหารถึงวันละ 15 มื้อ มันต้องวุ่นวายอยู่กับการล่าเพราะปริมาณน้ำนมของมันขึ้นอยู่กับจำนวนเหยื่อที่มันจับได้ด้วย พวกสิงโตสาว ๆ จึงชอบทำงานร่วมกัน เพื่อที่จะล้มเหยื่อตัวใหญ่ ๆ ให้ได้ แต่เหยื่อยิ่งตัวใหญ่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูง แต่ถ้าเกิดเหตุร้ายกับแม่สิงโตตัวใด ลูกกำพร้าก็จะถูกนำไปเลี้ยงโดยพี่น้องของแม่ของมัน ส่วนสิงโตตัวผู้มีหน้าที่แค่เดินตรวจตราดูแลรอบ ๆ อาณาบริเวณเพื่อให้มั่นใจว่าลูก ๆ ของมันจะปลอดภัยจากสัตว์ล่าเนื้อตัวอื่น ๆ

5. บีเวอร์ (Beaver)


หนูตัวใหญ่และทำงานหนักที่สุดในอเมริกา พวกมันล้มต้นไม้ลงโดยเฉลี่ยปีละ 216 ต้น เพียงครอบครัวเดียวก็ตัดซุงได้มากกว่า 1 ตันต่อปี มันสามารถเปลี่ยนธารน้ำให้กลายเป็นบึงภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ พวกมันจะสร้างเขื่อนที่ยาวและแข็งแรง โดยปกติเขื่อนของมันจะยาวประมาณ 150 ฟุต แต่เขื่อนที่ยาวที่สุดที่ถูกบันทึกไว้อยู่ที่อเมริกาเหนือ ยาวมากกว่า 1,000 ฟุต บีเวอร์ทำงานหนักตลอดเวลา ถึงแม้จะสร้างเขื่อนเสร็จแล้วมันก็ยังต้องคอยซ่อมแซมเสมอ เขื่อนของบีเวอร์ช่วยป้องกันมันจากสัตว์กินเนื้อตัวใหญ่ ๆ เช่น หมี และ เสือภูเขา เพราะมันจะสร้างกระท่อมอยู่กลางน้ำ เป็นกระท่อมที่มีทางเข้าออกอยู่ใต้น้ำ มันทำงานและสะสมอาหารตลอดฤดูใบไม้ร่วง พวกมันจึงไม่ต้องจำศีล เพราะในกระท่อมของมันมีอาหารสะสมอยู่มากมาย เพียงพอสำหรับฤดูหนาว

4. นกเมกะโป (Megapo Bird : แปลว่า นกเท้าใหญ่)


อยู่ในป่าเขตร้อนของทวีปออสเตรเลียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มันทำงาน 11 เดือนในหนึ่งปี พวกตัวผู้ใช้กรงเล็บคุ้ยเนินดินขนาดใหญ่ ขนย้ายดินหนักกว่า 100 ปอนด์ทุกวัน เพื่อสร้างรังใต้ความร้อนของพื้น พวกมันต้องการอุณภูมิที่พอเหมาะสำหรับฟักไข่ พวกมันใช้จงอยปากในการวัดอุณหภูมิ ให้อุณหภูมิอยู่ราว 91 องศาฟาเรนไฮ ถ้ากองดินร้อนเกินไปมันจะเอาดินออกเพื่อระบายลม แต่ถ้าเย็นเกินไปพวกมันจะฝังไข่ลึกลงไปอีก กองดินของพวกมันวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้มากกว่า 50 ฟุต และหนักมากกว่า 50 ตัน หลังจาก 49 วันใต้ดิน ลูกนกก็จะหาทางขึ้นมาเหนือกองดินเอง พวกมันพร้อมที่จะดูแลตัวเอง และพ่อนกไม่ต้องห่วงเรื่องการดูแลลูก ๆ แต่เมกะโปก็ยังคงต้องรักษาเนินดินไว้เพื่อความพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ในฤดูหน้าด้วย

3. ปลาแรสส์ (The Cleaner Wrasse)


อยู่ตามแนวหินโสโครกทั่วโลก เป็นนักทำความสะอาด รับทำความสะอาดทั่วตัวปลาอื่น ๆ มันทำงานเฉพาะตอนกลางวัน แต่ทำทุกวัน ทำทั้งปี ไม่มีวันหยุด มันไม่ได้ทำงานฟรี เพราะมันกินสัตว์เล็ก ๆ น่ารำคาญบนปลาตัวอื่น ในแต่ละวันเจ้านักทำความสะอาดแรสส์จะได้กินปรสิตมากกว่าพันตัว ถือเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย แม้แต่ปลาที่ดุร้ายก็ไม่กินปลาแรสส์ เพราะต้องการทำความสะอาดตัวเอง มันแทบไม่เคยถูกปลาที่มาใช้บริการกินเลย แต่ถ้ามันรู้สึกถึงอันตราย มันก็จะสั่นครีบหางเพื่อเตือนว่า “ชั้นมาทำความสะอาดให้นะ” แต่เมื่อพระอาทิตย์ตก พวกมันก็จะเลิกทำงานและเข้านอน

2. มดตัดใบไม้ (Leaf Cutting Ant)


มันใช้เวลาทุกชั่วโมงของทุกวันผลิตอาหาร พวกมันแบ่งงานกันทำ มดงานที่มีจำนวนมากที่สุดมีหน้าที่เก็บใบไม้ โดยการกัดและตัดใบไม้แล้วขนกลับรัง พวกมันสามารถทำให้ต้นไม้ใบโกร๋นได้ภายในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว แต่พวกมันกินใบไม้พวกนั้นทันทีไม่ได้ เพราะระบบย่อยอาหารของมันย่อยใยอาหารจากพืชไม่ได้ มันต้องส่งต่อไปทำการแปรรูปก่อน โดยมดอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กกว่ามดงาน พวกมันจะเคี้ยวใบไม้ผสมกับน้ำลายและมูลของมด จากนั้นจะถูกเก็บรวบรวมโดยมดชาวสวนซึ่งคอยดูแลอาหารเหล่านั้น ไม่นานจะมีเชื้อราขึ้นมาบนใบไม้ที่เคี้ยวแล้ว และราก็คืออาหารของมดทั้งอาณาจักร สุดท้ายมดที่ตัวเล็กที่สุด เรียกมดผู้ดูแล จะเก็บเกี่ยวเชื้อราที่ได้ไปแจกจ่ายทั่วอาณาจักรมด ถึงพวกมันจะดูเหมือนทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่จากการศึกษาก็พบว่าพวกมันยังมีการผลัดเวรบ้าง มันก็เลยได้อยู่ในอันดับที่ 2

1. ผึ้ง (Bee)


มันทำงานตั้งแต่นาทีแรกที่เกิดมา และทำงานทั้งวันทั้งคืน ทำงานตลอดเวลา ทำงานตลอดชีวิตจนกว่ามันจะตาย แม้แต่ผึ้งนางพญาที่ดูเหมือนจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีก็ยังต้องทำงานตลอดเวลา นั่นคือการวางไข่ทุก ๆ นาที ซึ่งเป็นไข่มากกว่าปีละ 200,000 ฟอง มันจะทำอย่างนั้นอยู่ประมาณ 5 ปีก่อนที่มันจะตาย และผึ้งงานที่ออกจากไข่มาก็เริ่มงานของมันทันทีโดยการทำความสะอาดรอบ ๆ รวงผึ้ง จากนั้น 2-3 วัน ผึ้งงานจะผลิตไขจากตอนล่างของส่วนท้องเพื่อใช้สร้างหรือซ่อมแซมรัง อีกระยะหลังจากนั้นมันจะต้องเฝ้ารัง ป้องกันศัตรู และผลิตน้ำผึ้ง สุดท้ายเมื่ออายุราว 3 สัปดาห์ ผึ้งงานจะต้องบินออกไปหาน้ำหวาน มันต้องทำงานทุกอย่างภายใน 35 วัน ก่อนที่มันจะตาย และพวกมันไม่มีวันเกษียรอายุ ในการทำน้ำผึ้ง 1 ปอนด์ ผึ้งจะต้องไปแวะที่ดอกไม้มากกว่า 2 ล้านดอก เมื่อรวมระยะทางเข้าด้วยกัน ผึ้งได้บินไปกลับมากกว่า 10 ล้านเที่ยว เป็นระยะทางมากกว่า 5 หมื่นไมค์ เท่ากับระยะทางรอบโลก 2 รอบ เลยทีเดียว

ที่มา http://mcpswis.mcp.ac.th

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 อันดับสัตว์นักล่าที่อันตรายที่สุดในโลก .

10.สุนัขป่าแอฟริกา (painted hunting dogs)

ด้วยการทำงานเป็นทีม และสัญชาตญาณนักล่าของสุนัขนักล่าพันธุ์นี้ นี่คือสัตว์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักล่าที่เรียบง่ายที่สุดในโลก แต่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเช่นกับ เพราะไม่มีว่าเหยื่อของมันจะตัวใหญ่แค่ไหน หรืออันตรายเพียง หากสุนัขทั้งฝูงพร้อมใจกันล่าแล้วละก็ ไม่มีอะไรที่มันล้มไม่ได้
9.เหยี่ยวเพเรกริน (peregrine falcon)

ด้วยรูปร่างและกรงเล็บของเหยี่ยวชนิดนี้อาจดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่เมื่อนำมารวมกับความเร็วถึง 322 กม./ชม. นี่คือนักล่าที่เร็วที่สุดในโลกและล่าเหยื่อในที่โล่ง โดยที่เหยื่อไม่มีทางรู้ตัวและตายจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว

8.กั้ง (spear mantis shrimp)

ที่มันได้ชื่อว่า"mantis shrimp"เพราะรูปร่างของมันผสมผสานกันระหว่างกุ้งกับตั๊กแตนตำข้าว กั้งเป็นสัตว์ที่มีเปลือกเต็มไปด้วยหนามที่มีส่วนปลายเป็นเงี่ยงไว้ทิ่มแทง เป็นอุปสรรคสำหรับสัตว์ที่คิดจะล่ามัน แถมยังมีลูกตุ้มคู่หน้าที่สามารถทุบเปลือกหอยและกระดองปูให้แตกในการทุบครั้งเดียว

7.งูซอว์สเกลด์ไวเปอร์ (saw-scaled viper)

เป็นงูขนาดเล็ก แต่โกรธง่ายมาก ในประเทศอินเดียมันฆ่าผู้คนมากมายกว่างูพิษชนิดอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าเสียอีก เพราะมันมักซ่อนตัวอยู่รอบๆ ที่อยู่อาศัยของผู้คน และกัดโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ

6.แบ็ตเจอร์น้ำผึ้ง (honey badger)

ลืมขนนุ่มๆ และลายน่ารักบนตัวของมันไปได้เลย เพราะนี่คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ก้าวร้าวอย่างที่สุด แบ็ตเจอร์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่พร้อมจะสู้กับสิงโตทั้งฝูงอย่างไม่กลัวตัว และเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว แบ็ตเจอร์จัดว่ามีกรามที่แข็งแรงมากๆ จนมันได้รับการขนานนามจากกินเนสส์บุคเมื่อหลายปีก่อนว่าเป็นสัตว์ที่มีความกลัวน้อยที่สุดในโลก

5.งูแบล็คแมมบ้า (black mamba)

ด้วยรูปร่างที่ผอมบาง มันอาจไม่ใช่งูที่แข็งแกร่งที่สุด แต่แบล็คแมมบ้ากลับมีระยะการโจมตีที่ไกลหลายเมตร และแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญพิษของมันยังสามารถแล่นเข้าสู่ร่างของเหยื่อได้รวดเร็วที่สุด ด้วยความสามารถในการอัดฉีดพิษจากเขี้ยวของมัน จึงไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้างูชนิดนี้จะเป็นที่หวั่นเกรงของผู้คนทั่วโลก

4.จระเข้น้ำเค็ม (sal-er crocodile)

จัดเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบางตัวสามารถยาวได้ถึง 4 เมตร และด้วยนิสัยขี้โมโห ห่วงอาณาเขต ทำให้มันพร้อมที่จะฆ่าสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์ ที่พลัดหลงเข้าไปในอาณาเขตของมัน แม้มันจะไม่หิวก็ตาม

3.ฮิปโปโปเตมัส (hippopotamus)

คุณอาจคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวอ้วนกลมอย่างฮิปโปจะไม่มีพิษภัยอะไร กรุณาคิดซะใหม่ เพราะฮิปโปเป็นสัตว์ที่เอาแน่เอานอนทางอารมณ์ไม่ได้เลย มันอาจจะนอนแช่น้ำอยู่นิ่งๆ ก้จะวิ่งพรวดขึ้นมาไล่กัดคุณแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ได้ และด้วยเขี้ยวคู่หน้าที่ยาวกว่า T-rax สองเท่า แถมอยู่ในปากขนาดมหึมา รับรองว่าอะไรก็ตามที่โดนมันกัด จะหมดทางรอดทันที ที่สำคัญสถิติการฆ่าคนในแอฟริกาของฮิปโปต่อปีนั้น มากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ รวมกันเสียอีก

2.ฉลามเสือ (tiger shark)

ขึ้นชื่อว่าฉลามก็น่ากลัวพออยู่แล้ว ยิ่งเป็นฉลามเสือที่เป็นนักล่าขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากฉลามขาวด้วยแล้ว ยิ่งทวีความน่ากลัวเป็นสองเท่า แม้ว่ามันจะไม่นิยมทำร้ายมนุษย์เท่าไหร่ แถมยังมีสถิติการทำร้ายน้อยกว่าฉลามอีกหลายชนิด แต่ในท้องทะเลสีครามนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ฉลามเสือเขมือบไม่ได้ เพราะมันจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่ถังน้ำมัน และเศษขยะต่างๆ ที่ลอยอยู่กลางทะเล

1.เต่าอัลลิเกเตอร์ (Alligator snapping turtle)

ขึ้นชื่อว่าเต่าอาจดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่นั่นใช้ไม่ได้กับเจ้าเต่าที่มีขนาดตัวยาวกว่า 1 เมตร และอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา โดยจมตัวเองอยู่ตามซากใบไม้ อ้าปากที่คมราวกับใบมีดและแข็งแรงยิ่งกว่าคีมตัดเหล็ก ฉะนั้นอะไรก็ตามที่หลุดเข้ามาในระยะการงับของมันละก็ เตรียมลาโลกได้เลย

...ที่มา http://sz4m.com/b3881792
https://www.siamzone.com

10 อันดับสัตว์ที่ฉลาดที่ในโลก

10. นกพิราบAnimals-Intelligent10

นกพิราบสามารถจดจำภาพได้หลายร้อยภาพแม้จะผ่านไปหลายปีก็ตาม
มันรู้ว่าเงาที่สะท้อนในกระจกเงา คือตัวมันเอง มันสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
และแยกแยะความแตกต่างของมนุษย์ได้จากภาพถ่าย

9. กาAnimals-Intelligent9

กาสามารถเรียนรู้หลักพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ได้ เช่น การเพิ่มของแข็งลงในน้ำ
เพื่อให้ระดับทะเลสูง และใช้กิ่งไม้ทำเครื่องมือบางอย่างเพื่อให้ผ่านการทดสอบ
ความฉลาดของมันเท่ากับเด็ก7ขวบ

8. หมึกยักษ์Animals-Intelligent8

หมึกยักษ์เป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก จนประเทศอังกฤษจัดให้มันอยู่ในกฏหมายคุ้มครองสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
มันมีความสามารถในการว่ายน้ำและเทคนิคการล่าอีกด้วย

7. สุนัขAnimals-Intelligent7

สุนัขเป็นสัตว์ที่เข้าใจมนุษย์โดยธรรมชาติ มันเข้าใจสังคม ความผูกพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เลี้ยงดูมัน
มันเป็นสัตว์ที่ฉลาดและมนุษย์สามารถฝึกฝนมันได้

6. หนูAnimals-Intelligent6

หนูเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสไวมาก มันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มียีนส์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หนูโดนจับไปทดลอง นอกจากนี้มันยังเรียนรู้ได้เร็วและหาเส้นทางหลบหนีได้เก่งสุดๆ

5. แกะAnimals-Intelligent5

แกะเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างฉลาด พวกมันสามารถแยกแยะใบหน้าที่แตกต่างกัน
และจดจำได้ถึง2ปี รวมถึงการเรียนรู้สีขั้นพื้นฐานที่มีเฉพาะมนุษย์กับลิงเท่านั้นที่ทำได้

4. นกแก้วAnimals-Intelligent4

นกแก้วสามารถเรียนแบบการพูดของมนุษย์ได้ แต่นกแก้วสีเทาแอฟริกันสามารถโยงคำ
และเชื่อมประโยคที่มีความหมายง่ายๆได้

3. ปลาโลมาAnimals-Intelligent3

โลมามีขาดสมองเทียบกับลำตัวแล้วใหญ่มาก ภายในสมองมีความซับซ้อน
มีความจำในการเรียนรู้เป็นอย่างดี มีการรับกลิ่นที่ดี รวมถึงการมองเห็นและการได้ยิน

2. ช้างAnimals-Intelligent2

ช้างสามารถรับรู้ตัวเองที่สะท้อนจากกระจกได้ สมองของช้างใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์บกด้วย
ช้างมีการได้ยินที่ยอดเยี่ยมมันใช้หูและงวงในการรับเสียง และยังมีความเป็นศิลปะสูง

1. ชิมแปนซีAnimals-Intelligent1

พวกมันสามารถเรียนรู้ และแก้ปัญหาได้คล้ายกับมนุษย์ และมีความจำดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น
ในการศึกษายีนของชิมแปนซี พบว่า DNA ของชิมแปนซี คล้ายDNA มนุษย์ ถึง 98%
นักประวัติศาสตร์คาดว่า ชิมแปนซีและคนเริ่มวิวัฒนาการแยกจากกัน เมื่อ6-4ล้านปีก่อน
ที่มาhttp://www.zestza.com/

วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

10 อันดับ สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุด

อันดับที่ 10 Puffer Fish ปลาปักเป้า


ปลา ปักเป้า คือสัตว์มีพิษที่มีคนนิยมบริโภคมาก โดยเฉพาะในแถบประเทศญี่ปุ่น (ปลาปักเป้าภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฟูกุ) และเกาหลี (ในส่วนของภาษาเกาหลีจะเรียกว่า บ๊อค ฮัง) โดนเนื้อปลาปักเป้านั้น จริงๆแล้ว ไม่ได้มีพิษ แต่ส่วนที่มีพิษก็คือพวกผิวหนังและเครื่องในของปลาปักเป้า แต่พิษเหล่านี้มักจะซึมเข้าไปในเนื้อตอนแล่ พ่อครัวที่จะแล่ปลาปักเป้าต้องมีใบอนุญาติกันเลย ถ้าหากกินพิษของปลาปักเป้าไป อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ในทันที

อันดับที่ 9 Poison Dart Frog กบลูกดอก


กบ ลูกดอกสีน้ำเงินนั้นเป็นสัตว์ ที่อยู่ในป่าฝนในทวีปอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เป็นกบที่มีสีสันสวยงามแต่พิษของมันร้ายแรงมาก พิษของกบลูกดอก 1 ตัว สามารถฆ่าคนได้ถึง 10 คนและหนูถึง 20,000 ตัว พิษของมันเพียง 5 ไมโครกรัม (เท่ากับปลายเข็ม) ก็สามารถฆ่าคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ๆได้ พิษของมันถูกนำมาใช้ ในลูกดอกอาบยาพิษของอินเดียแดง มันจึงถูกเรียกว่ากบลูกดอก

อันดับที่ 8 Inland Taipan งูไทปันโพ้นทะเล


งูไทปันถูกพบได้มากในทวีป ออสเตรเลีย เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงมาก พิษที่มันปล่อยออกมาจากการกัดหนึ่งครั้ง สามารถฆ่าคนได้ถึง 100 คน หรือหนู 250,000 ตัว พิษของมันสามารถฆ่าคนได้ภายใน 45 นาที แต่อย่างไรก็ตาม งูไทปันเป็นงูที่ค่อนข้างขี้อาย ไม่เคยมีการบันทึกว่ามีคนตายจากพิษของมัน

อันดับที่ 7 The Brazillian Wandering Spider แมงมุมบราซิล


แมงมุม บราซิลหรือแมงมุมกล้วย ได้รับการบันทึกลงในกินเนสเวิลด์เรคคอรด์ว่าเป็นแมงมุมที่มีพิษร้ายแรงที่ สุดในโลก พิษของมันมีพิษทำลายประสาท พวกมันจะอันตรายอย่างมากเพราะโดยนิสัยของมันแล้วมันชอบแอบอยู่ตามรองเท้า ตู้เสื้อผ้า แม้กระทั่งในรถยนต์ พิษของมันถ้าโดนกัดนอกจากจะทำให้เจ็บปวดอย่างมากแล้ว มันจะทำให้อวัยวะเพศของเราควบคุมไม่ได้ และถ้ารอดตายจากการโดนมันกัด มันก็จะทำให้เราเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ

อันดับที่ 6 Stonefish ปลาหิน


ถ้า แข่งกันในเรื่องของความสวย งามแล้ว ปลาหิน ท่าทางจะแพ้อย่างขาดลอย แต่ถ้าแข่งกันเรื่องความรุนแรงของพิษแล้วละก็ เจ้าปลาหินไม่เป็นรองใครอย่างแน่นอน มันได้ชื่อว่าเป็นปลาที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก พิษของปลาหินนี้จะอยู่ในหนามของตัวมันเอง มีคนบอกว่า ถ้าคุณโดนมันแทงเข้าละก็ คุณจะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดเท่าที่มนุษย์จะเจ็บได้เลยทีเดียว นอกจากจะเจ็บสุดๆแล้ว มันจะทำให้คุณเป็นอัมพาต แล้วก็ตายได้ในที่สุด

อันดับที่ 5 Death Stalker Scorpion แมงป่องเดธท์ สตอล์คเกอร์


แมงป่องโดยทั่วไปนั้น ถึงแม้ว่าจะโดนกัด พิษของมันก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรมนุษย์ได้มากนัก อาจจะเจ็บปวดนิดหน่อย แต่?มันไม่ใช่สำหรับแมงป่องพันธุ์เดธท์ สตอล์คเกอร์เลย เพราะพิษของมันสามารถทำลายระบบ ประสาทได้ ถ้าคุณโดนมันกัด คุณจะปวดอย่างมหาศาล จากนั้นจะตามมาด้วยอาการไข้ขึ้น เป็นอัมพาต และตายในที่สุด แต่ถึงแม้พิษมันจะร้ายแรงมาก แต่มันก็ไม่สามารถฆ่ามนุษย์ที่เป็นผู้ใหญ่ได้ แต่ว่ามันจะเป็นอันตรายต่อ เด็ก ทารก คนแก่ อย่างมาก ถึงแม้ว่ามันไม่สามารถที่จะฆ่าผู้ใหญ่ได้ แต่มันก็ทำให้เป็นอัมพาตได้นะ

อันดับที่ 4 Blue-Ringed Octopus ปลาหมึกแหวนน้ำเงิน


ปลา หมึกแหวนน้ำเงินนั้นมีขนาด ที่เล็กมาก ขนาดประมาณลูกกอลฟ์เท่านั้นเอง แต่ขนาดไม่ใช่ปัญหาสำหรับความรุนแรงของพิษมันเลย เพราะพิษมันสามารถฆ่าคนได้ภายในไม่กี่นาที และที่สำคัญ มันยังไม่มียาแก้พิษ =.= ถ้าโดน ปลาหมึกแหวนน้ำเงินกัดละก็ คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรมากหรอก แต่ว่าพิษมันจะเริ่มทำลายระบบประสาทของคุณ หลังจากนั้นคุณจะรู้สึกอ่อนแอและคุณก็จะเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ ระบบการหายใจจะเริ่มล้มเหลว หลังจากนั้น ก็ตายในที่สุด

อันดับที่ 3 Marbled Cone Snail หอยเต้าปูนลายหินอ่อน


หอย เต้าปูนตัวเล็กๆ สีสันสวยงาม แต่!!! พิษของมันน่ะเหรอ เพียงแค่หยดเดียว สามารถฆ่าคนได้ถึง 20 คน ถ้าคุณเล่นน้ำที่ทะเลที่มันค่อนข้างอุ่นๆแล้วเห็นเจ้าตัวนี้อยู่ อย่าคิดที่จะหยิบมันมาเล่นเลย แค่ดูมันอยู่ห่างๆก็พอแล้ว เพราะถ้าคุณโดนพิษมันเล่นงานละก็ คุณจะปวด หลังจากนั้นก็จะเริ่มบวม ระบบการหายใจเริ่มล้มเหลว ร่างกายจะคันหยุกหยิก เป็นอัมพาต แล้วก็ตายในที่สุด แต่ยังไงก็ตาม มีรายงานว่ามีแค่ 30 คนเท่านั้นที่ตายเพราะหอยเต้าปูน

อันดับที่ 2 งูจงอาง


งู จงอางหรือชื่อทางวิทยาศาสตร์ ว่า Ophiophagus hannah เป็นงูพิษที่มีลำตัวยาวที่สุดในโลก ด้วยขนาดโตสุดที่ 5.6 เมตร งูจงอางนั้น เรารู้กันว่าอาหารโปรดของมันก็คือ งู !!! นั่นหมายความว่ามันกินสัตว์ตระกูลเดียวกัน และเพียงแค่โดนมันกัดเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้คนตายได้อย่างง่ายๆ และพิษของมันนั้น สามารถฆ่าช้างที่โตเต็มวัยได้เพียงแค่ 3 ชั่วโมง ในส่วนประกอบของมันแตกต่างกับพิษงูโดยทั่วไป ที่สำคัญมันพบได้ทั่วไปในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ และในประเทศไทย

อันดับที่ 1 Box Jellyfish แมงกระพรุนกล่อง


และ แล้วแมงกระพรุนกล่องก็ได้ เป็นแชมป์สัตว์ที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลก รายงานว่ามันฆ่าคนไปแล้ว 5,567 คน พิษของมันนั้นจะไปทำลาย หัวใจ ระบบประสาท ผิวหนัง และที่สำคัญ ถ้าโดนพิษมันจะเจ็บปวดอย่างที่สุด ส่วนใหญ่คนที่โดนพิษมันนั้นจะช็อค และหัวใจล้มเหลวก่อนที่จะกลับเข้าถึงฝั่ง แต่ถ้าคุณโดนพิษมันก็ยังมีโอกาสที่จะรอดอยู่นั่นคือ ต้องรีบเอาน้ำส้มสายชู มาล้างอย่างน้อย 30 วินาที เพราะมันจะทำลายพิษของแมงกระพรุนกล่องก่อนที่มันจะเข้าไปสู่กระแสเลือด

ที่มาhttps://docs.google.com/document/d/1_pnQGBWQXQcN_tHHSyjgo3wgF7MmD3oipb9GSN2XEVA/edit

10 อันดับ สัตว์ที่มีอายุสั้นที่สุดในโลก

เรามาดูกันครับ ว่า ณ ปัจจุบันนี้ มีสัตว์ชนิดใดบ้าง บางตัวก็น่าสงสารมากๆ เพราะอยู่ได้ไม่ถึง 24 ชม. เอง ลองติดตามอ่านกันดูนะครับ

10. กระต่าย

อายุขัย เฉลี่ย 5 ปี กระต่ายเป็นสัตว์ที่น่ารักของทุกคนตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่ และใครล่ะจะไม่ชอบเจ้าสัตว์น่ารักจนฟูน่ากอดอย่างตัวนี้ แต่นับเป็นความโชคร้ายของกระต่ายที่มันไม่สามารถมีความสุขกับเราได้นาน เพราะอายุขัยของมันนั้นยาวประมาณ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นเวลาที่สั้นมาก แต่เพื่อทดแทนอายุที่สั้นของมัน กระต่ายได้พัฒนาความเร็วในการออกลูกออกหลานที่รวดเร็วจนเรามีคำเปรียบเปรยว่า "ออกลูกเร็วเหมือนกระต่าย" เลยทีเดียว ซึ่งความเร็วในการออกลูกของกระต่ายนั้นก็เป็นปัญหาในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ที่พวกมันถูกนำเข้ามาในประเทศและได้กลายเป็นสัตว์รบกวนตัวฉกาจ เพราะพวกมันไม่มีผู้ล่าตามธรรมชาติแถวนั้น ทางการออสเตรเลียก็ได้พยายามที่จะจำกัดจำนวนของกระต่ายด้วยการนำแมวเข้ามา และช่างโชคร้ายของแดนจิงโจ้เหลือเกินที่ต่อมาแมวก็ได้กลายเป็นสัตว์รบกวนล้นจำนวนอีกชนิด


9. แฮมสเตอร์และหนูตะเภา

อายุขัย เฉลี่ย 4 ปี เจ้าแฮมสเตอร์สัตว์ยอดนิยมของโรงเรียนและญาติยักษ์ใหญ่ของมัน หนูตะเภาได้เข้ามาในอันดับที่เก้าด้วยอายุขัยประมาณ 2-4 ปี เจ้าหนูแฮมเตอร์โดยเฉพาะ แฮมเตอร์ซีเรียน เป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมที่สามารถออกลูกได้เร็วซึ่งพวกมันผสมพันธุ์หลายครั้งต่อปีและให้กำเนิดลูกหลายครอก นอกจากแฮมเตอร์จะน่ารักน่ากอดแล้ว พวกมันยังสามารถเก็บอาหารไว้ในแก้มทั้งสองข้างและถีบจักรได้อีกด้วย สำหรับคนที่โชคร้ายโดนมันกัดก็คงรู้ว่าเจ้าแฮมเตอร์นี้กัดเจ็บแค่ไหน ส่วนหนูตะเภาที่เหมือนรุ่นพี่ของแฮมเตอร์นั้นอาจจะไม่ชอบถีบจักรเหมือนรุ่นน้อง แต่มันก็มีชื่อเสียงในการทำเสียงแปลกๆเมื่่อตกใจหรือตื่นเต้น


8. หนูบ้าน

อายุขัยเฉลี่ย : 1 -- 3 ปี สัตว์ตัวกระจิ๋วที่แทบจะไม่มีใครต้องการ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มนุษย์เริ่มเลี้ยงแมวและเริ่มประดิษฐ์กับดักหนูขึ้น หนำซ้ำ เมื่อเจ้าหนูพวกนี้มาอาศัยอยู่ในบ้านแล้วก็ยากที่จะไล่ไปอีกด้วย ซึ่งนานวันเข้าพวกมันจะออกลูกออกหลานมาบานตะไท นอกจากนี้ หนูตัวกระเปี๊ยกยังเป็นที่หวาดกลัวของคนหลายคน เพราะมันสามารถ กระโดด, ไต่ , วิ่ง และว่ายน้ำได้อีกตัว ถึงหนูจะดูสุดยอดแต่ พวกมันไม่สามารถมองเห็นสีได้ เพื่อทดแทนสิ่งนั้น หนูได้พัฒนาการให้มีการฟังที่ดีเยี่ยม ซึ่งมันสามารถฟังเสียงอัลตราซาว์ดได้ หนูตัวเมียนั้นสามารถผสมพันธุ์ ได้ทุกๆ 15-20 วัน และเกิดอารมณ์ได้ทุกครั้งเมื่่อได้กลิ่นปัสสาวะของตัวผู้ แต่ละครั้ง หนูออกลูกประมาณ 5-10 ตัวซึ่งนี้อาจจะเป็น เหตุผลว่าทำไมพวกมันถึงชอบโผล่ออกมาเซย์ฮัลโหลกันหน้าสลอน เพราะความที่ไม่เป็นต้องการของมนุษย์อย่างเราๆ และเป็นอาหารสุดโปรดของนักล่าเกือบทุกสายพันธุ์นี้ทำให้อายุขัยของหนูอยู่ที่ประมาณ 1-3 ปี


7. ปลาหางนกยุง

อายุขัยเฉลี่ย 2 ปี เป็นที่รู้จักกันในชื่อ แกมบูเซีย ปลาหางนกยูงมีถิ่นกำเหนิดในอ่าวเม็กซิโก พวกมันมีอายุขัยสั้นประมาณ 2 ปีเท่านั้น ปลาหางนกยูงนั้นเป็นปลกที่อึดพอตัว นอกจากนี้ พวกมันยังสามารถอาศัยอยู่ในน้ำเค็มและน้ำที่ร้อนถึง 42 องศาเซลเซียส ในช่วงสั้นๆได้ีอีกด้วย ปลาหางนกยูงนั้นไม่ออกไข่เหมือนปลา แต่จะออกลูกเป็นตัวเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวเมียนั้นมีขนาดใหญ่กว่าตัวผู้ซึ่งอาจจะยาวถึง 7 เซนติเมตร ในขณะที่ตัวผู้นั้นยาว 4 เซ็นติเมตร ปลกหางนกยูงเจริญพันธุ์ตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งทำให้พวกมันสามารถออกลูกออกหลานได้เยอะและลูกๆมีโอกาสรอดสูง ซึ่งพวกมันจะออกลูกครั้งล่ะ 50-100 ตัว


6. ไรแดง, โอพอซซัม และกิ้งก่าคามีเลี่ยน

อายุขัยเฉลี่ย : ~ 1 ปี ไรแดง , โอพอซซัมและกิ้งก่าคามีเลียนอาจจะเป็นสัตว์ที่ต่างกันสุดขั้ว แต่พวกมันมีอายุขัยที่เท่ากัน คือ 1 ปีเท่านั้น มาเริ่มที่ไรแดงกันก่อน ถ้าใครเลี้ยงปลาก็คงจะรู้จักเจ้าตัวนี้เป็นแน่ เพราะไรแดงเป็นสัตว์น้ำเค็มตัวกระจิ๋วที่เป็นอาหารของปลา เจ้าสัตว์ที่น่าสงสารนี้เป็นญาติกับปูและลอสเตอร์ ด้วยเหตุที่ไรแดงตัวกระเปี๊ยก มันจึงอยู่อันดับล่างๆของห่วงโซ่อาหารและมีอายุสั้น ด้วยสาเหตุจากที่มันมีอายุสั้น มันจึงได้พัฒนาการออกลูกที่รวดเร็วเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ตัวเองเอาไว้ กิ่งก่าคามิเลี่ยน จากการศึกษาในปัจจุบัน เจ้ากิ่้งก่าเปลี่ยนสีได้ จะเติมโตอย่างรวดเร็ว และผสมพันธุ์ในเดือนถัดๆมา เช่นพวกมันเกิดเมื่อเดือน พฤศจิกายน และจะผสมพันธุ์ในเดือน มกราคม-กุมภาพันธุ์ เพราะฉะนั้นเจ้ากิ่งก่าคามิเลี่ยนนี้จะไม่มีวันได้พบหน้าพ่อแม่ตอนเกิดมาเลย เพราะรุ่นพ่อแม่ของมัน จะตายหมดก่อนที่รุ่นลูกจะได้เกิดมาเสียอีก ไอพอซซัมอเมริกา เป็นสัตว์พื้นเมืองของอเมริกาตามชื่อของมัน พวกมันเป็นสัตว์ตัวเล็กที่มีขนาดเท่าแมวซึ่งมีหน้าขาว , หางที่เหมือนหนู ซึ่งช่วยให้มันโหนตัวลงมาจากต้นแม้ได้และมีขนสีเทา นอกจากนี้ โอพอซซัมอเมริกามีอายุขัยอยู่ที่ประมาณ 4 ปี แต่พวกมันจะตายในปีแรกๆ ทำให้อายุขัยโดยรวมนั้นเท่ากับ 1 ปี โอพอสซั่มอเมริกานั้นเป็นสัตว์ที่หน้าแปลก , นิสัยแปลกแล้วยังอายุสั้นที่สุดในโลกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนำ


5. แมลงปอ

อายุขัย : 4 เดือน แมลงปอมีรูปร่างเหมือนเฮลิคอปเตอร์ย่อส่วน ซึ่งพวกเรามักจะเห็นมันบินฉวัดเฉวียนไปมาแถวบ่อน้ำในหน้าร้อน ซึ่งพวกมันใช้เวลาที่มีอยู่สั้นๆบนโลก หมดไปกับการหาอาหารและผสมพันธุ์ ถึงแม้ว่าแมลงปออาจจะอยู่ในคราบของตัวอ่อนถึง 5 ปีเพื่อรอเวลาเหมาะที่จะโตเต็มที่ แต่เวลาที่มันใช้บนโลกเมื่อโตเต็มที่นั้นจะยาวนานแค่ 4 เดือนเท่านั้น เพราะฉะนั้นครั้งต่อไปที่คุณเห็นแมลงปอก็อย่าไปจับมันมามัดเชือกแล้วปล่อยไปให้บินรอบๆล่ะ เพราะเจ้าสัตว์พวกนี้ ใช้เวลานานกว่าจะโตได้ และเมื่อโตแล้ว พวกมันก็มีเวลาไม่นานที่จะได้ชมความสวยงามของโลกใบนี้มากนัก



4. แมลงวัน และ ผึ้งงาน

อายุขัย : 4 อาทิตย์ แมลงวันและผึ้งงานเข้ามาที่ 4 ด้วยอายุขัยนานเท่ากันก็คือ 4-5 สัปดาห์ ถึงแม้ว่าเจ้าสัตว์พวกนี้จะอายุสั้น แต่พวกมันก็ทำงานหนักไม่เบาตลอดช่วงอายุของมัน แมลงวันนั้นจะฟักเป็นตัวและกลายเป็นหนอนในเวลา 24 ชั่วโมงเท่านั้น จากนั้นมันก็จะกลายเป็นแมลงวันโตเต็มตัวในไม่กี่วันต่อมา ซึ่งหลังจากนั้นมันก็จะเริ่มหาอาหารและผสมพันธุ์ ในขณะที่วิถีชีวิตของแมลงวันนั้นดูจะไม่ถูกต้อนรับจากมนุษย์อย่างพวกเรา ส่วนผึ้งงานที่น่าสงสารที่ทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นตัวเมีย และใช้ชีวิตของมันทำงานดังเช่นชื่อของมัน อีกทั้งผึ้งงานยังต้องปกป้องรังของมันด้วยการต่อยผู้ที่เข้ามารุกราน ซึ่งการต่อยนี้ก็เหมือนกับการตัดอายุขัยของมัน เพราะเมื่อผึ้งต่อย เหล็กในก็จะลากเอาเครื่องในของมันออกมาด้วย ทำให้มันมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน นี่อาจจะเป็นที่มาของผึ้งนักฆ่าที่อาจจะต้องการประท้วงในความไม่ยุติธรรมของชีวิตก็เป็นได้



3. มดตัวผู้

อายุขัย : 3 สัปดาห์ มดตัวผู้นั้นจะมีชีวิตที่สะดวกสบายไม่เหมือนกับตัวเมีย เพราะตั้งแต่เกิดมา หน้าที่ของมดตัวผู้นั้นก็คือ กินและสืบพันธุ์ ซึ่งเวลาเกิดของมดตัวผู้นั้นจะเป็นช่วงเดียวกับมดตัวเมีย เมื่อฤดูผสมพันธุ์มาถึง มดตัวผู้จะงอกปีกเพื่อบินไปผสมพันธุ์กับตัวเมียระหว่างทาง และเมื่อผสมพันธุ์เสร็จ หน้าที่ของตัวเมียก็คือไปหารังและเริ่มอาณาจักรของมันเอง แต่สำหรับตัวผู้แล้ว เมื่อเสร็จการผสมพันธุ์ หน้าที่ของมันก็จะจบลง ซึ่งก็หมายถึงความตายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากเกิด ดูเหมือนว่าข้อแลกเปลี่ยนของความหรูหราสะดวกสบายในชีวิตของมดตัวผู้นั้นก็คืออายุขัยสั้นนี่เอง

2. Gastrotrichs

อายุขัย: 3 วัน Gastrotrichs แก็สโทรทริชส์ มีรากศัพท์มาจากภาษากรีซ ที่มีความหมาย 2 คำคือ Gaster แปลว่า กระเพาะ และคำว่า Thrix แปลว่า ผม ซึ่งมาจากลักษณะของร่างกายของมันมีลักษณะที่คล้ายเส้นผมที่มีกระเพาะ มันเป็นสัตว์น้ำตัวเล็กจิ๋วที่มองเห็นได้โดยกล้องจุลทรรศ์ซึ่งพวกมันเป็นสัตว์ขนาดเล็ก มีความยาวเพียง 0.06 - 3 มิลลิเมตร สามารถพบได้ทั้งในน้ำจืด และน้ำทะเล ถึงแม้ว่าพวกมันมีหลายสายพันธุ์แต่ทั้งหมดมีอายุขัยสั้นเหมือนกันหมด โดยวิถีชีวิตของ Gastrotrichs นั้นก็ง่ายๆ ลอยไปมาในน้ำ , ขึ้นสู่ผิวน้ำบางครั้งก่อนที่จะกลับลงมากับกระแสน้ำ, กินและทำโน่นนี่นั่นนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ Gastrotrichs ก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนของชีวิตสุดเรียบง่ายด้วยอายุขัยที่สั้นเพียง 3 วันเท่านั้น

1. Mayflies ( แมงชีปะขาว )

อายุขัย: ประมาณ1-24 ชม. วันชีปะขาว หรือชีผะขาวก็เรียก ชีผ้าขาวก็เรียก หรือเมย์ฟลายส์ (mayflies) ชื่อวิทยาศาสตร์ เอพฮีมีรอบเทอรา (Ephemeroptera) ตัวขนาดเล็กถึงกลาง ปีกบางมีเส้นมากมาย ปีกคู่แรกใหญ่กว่าคู่หลัง ตัวเมียวางไข่ในน้ำ ตัวอ่อนรูปร่างเรียวยาวอาศัยในน้ำนาน 1-2 ปี ลอกคราบหลายครั้งจนเป็นแมลงโตเต็มวัย มีปีก ชอบเล่นไฟ มันมีอายุเพียง 1-2 วันเท่านั้น ไม่กินอาหาร ผสมพันธุ์แล้วตาย 

ที่มาhttp://campus.sanook.com/