วันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 อันดับสัตว์ที่ทำงานหนักที่สุดในโลก

10. ปลาคาราซินสะบัดหาง (Characin Fish)


อยู่แถบลุ่มน้ำอะเมซอน พวกมันไม่วางไข่ในน้ำ เพราะมีสัตว์อื่นคอยจะกินไข่ของมันอยู่มากมาย มันจึงกระโดดขึ้นไปวางไข่ตามใบไม้เหนือผิวน้ำ โดยปลาตัวผู้และตัวเมียจะกระโดดขึ้นไปพร้อมกัน เอาตัวไปแปะที่ใบไม้ โดยตัวผู้จะผสมพันธุ์และตัวเมียก็จะวางไข่บนใบไม้ ทำอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ จนมีไข่ประมาณ 50 ฟอง จากนั้นตัวผู้จะต้องคอยวิดน้ำขึ้นไปที่ไข่ซึ่งอยู่บนใบไม้ เพื่อไม่ให้ไข่แห้ง เพราะถ้าไข่แห้งลูกปลาก็จะตาย มันต้องสะบัดหางเพื่อวิดน้ำนาทีละ 1 ครั้ง กว่าไข่จะโตเต็มที่ตัวผู้ก็ได้สะบัดหางไปมากกว่า 6,000 ครั้ง ซึ่งก็ประมาณ 4 วัน ติดต่อกันโดยไม่ได้หยุดพัก

9. เพนกวินจักรพรรดิ (Emperor Penguin)


อยู่แอนตาร์กติก ตัวผู้ต้องเฝ้าไข่บนอุ้งเท้าอย่างทะนุถนอมเป็นเวลาอย่างน้อย 7 สัปดาห์ มันต้องระมัดระวังเป็นอย่างดี เพราะถ้าหากไข่ร่วงลงบนพื้นน้ำแข็ง ไข่จะเย็นจนแข็งภายใน 2 นาที และลูกของมันก็จะตาย เพนกวินจักรพรรดิจึงถือว่าเป็นสัตว์ที่ต้องทำงานในสภาพที่โหดร้ายที่สุดในโลก มันต้องอยู่โดยไม่ต้องกินอาหารตลอดสามเดือน รอตัวเมียกลับมาที่ฝูง ทำให้มันเสียน้ำหนักตัวไปถึง 45%

8. นกบาวเวอร์ หรือ นกสร้างซุ้ม (Bower Bird)


อยู่ในป่าร้อนชื้นของออสเตรเลีย มันใช้เวลา 6 เดือนในช่วงกลางวันสร้างซุ้มจากฟาง ซึ่งซุ้มที่ว่านี้ไม่ใช่รัง แต่เป็นเหมือนบ้านของชายโสดที่มันภาคภูมิใจและวุ่นวายสร้างสรรค์เป็นอย่างดี เพราะมันจะใช้ซุ้มที่สร้างจากฟางนี้ดึงดูดความสนใจจากเพศเมีย พวกมันเป็นศิลปินโดยธรรมชาติ ซุ้มของมันจะถูกตกแต่งอย่างดี ทั้งใหญ่ และคงทน วัสดุที่นำมาใช้ก็ไม่ใช่แค่ฟาง แต่เป็นอะไรก็ตามที่มันชอบ นกบาวเวอร์แต่ละสายพันธุ์ก็มีความชอบในสีสันที่แตกต่างกันออกไป และบางสายพันธุ์ก็รู้จักระบายสีซุ้มของมันด้วยวัสดุธรรมชาติ ถ้าซุ้มของมันน่าสนใจพอ ในเวลา 6 เดือน มันอาจมีโอกาสผสมพันธุ์กับเพศเมียถึง 50 ตัว แต่มันก็เหมือนคนบ้างานที่ไม่มีเวลาสร้างครอบครัว เพราะตัวเมียจะต้องสร้างรัง และเลี้ยงลูกเองตามลำพัง

7. สุนัขล่าเนื้อแอฟริกา (African Hunting Dog)


พวกมันเคลื่อนที่และเดินทางตลอดเวลาเพื่อหาเหยื่อ ไม่เคยอยู่ที่ไหนนานเกิน 1 วัน มันทำงานเป็นทีม และผลัดกันล่า พวกมันวิ่งด้วยความเร็วเกือบ 2 เท่าของมนุษย์ได้เป็นเวลานานครั้งละเป็นชั่วโมง การล่าของพวกมันประสบผลสำเร็จประมาณ 60% (ซึ่งมากกว่าสิงโตที่การล่าแต่ละครั้งมีโอกาสสำเร็จเพียง 30%) มันจึงถือเป็นนักล่าที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก ตัวเมียออกลูกได้ถึงคอกละ 20 ตัว แน่นอนว่าผู้เป็นแม่ของมันคงหาเลี้ยงไม่ไหว พวกลูกสุนัขจึงมีวิธีการหากินโดยการไล่เลียปากของสุนัขล่าเนื้อผู้ใหญ่ ซึ่งจะทำให้มันอาเจียนอาหารออกมา

6. สิงโตเพศเมีย (Female Lion)


ไม่เพียงแต่ต้องล่าเหยื่อ แต่มันต้องเลี้ยงดูลูก ๆ อีกด้วย ซึ่งเป็นงานที่หนักเพราะลูกสิงโตต้องกินอาหารถึงวันละ 15 มื้อ มันต้องวุ่นวายอยู่กับการล่าเพราะปริมาณน้ำนมของมันขึ้นอยู่กับจำนวนเหยื่อที่มันจับได้ด้วย พวกสิงโตสาว ๆ จึงชอบทำงานร่วมกัน เพื่อที่จะล้มเหยื่อตัวใหญ่ ๆ ให้ได้ แต่เหยื่อยิ่งตัวใหญ่ ความเสี่ยงก็จะยิ่งสูง แต่ถ้าเกิดเหตุร้ายกับแม่สิงโตตัวใด ลูกกำพร้าก็จะถูกนำไปเลี้ยงโดยพี่น้องของแม่ของมัน ส่วนสิงโตตัวผู้มีหน้าที่แค่เดินตรวจตราดูแลรอบ ๆ อาณาบริเวณเพื่อให้มั่นใจว่าลูก ๆ ของมันจะปลอดภัยจากสัตว์ล่าเนื้อตัวอื่น ๆ

5. บีเวอร์ (Beaver)


หนูตัวใหญ่และทำงานหนักที่สุดในอเมริกา พวกมันล้มต้นไม้ลงโดยเฉลี่ยปีละ 216 ต้น เพียงครอบครัวเดียวก็ตัดซุงได้มากกว่า 1 ตันต่อปี มันสามารถเปลี่ยนธารน้ำให้กลายเป็นบึงภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์ พวกมันจะสร้างเขื่อนที่ยาวและแข็งแรง โดยปกติเขื่อนของมันจะยาวประมาณ 150 ฟุต แต่เขื่อนที่ยาวที่สุดที่ถูกบันทึกไว้อยู่ที่อเมริกาเหนือ ยาวมากกว่า 1,000 ฟุต บีเวอร์ทำงานหนักตลอดเวลา ถึงแม้จะสร้างเขื่อนเสร็จแล้วมันก็ยังต้องคอยซ่อมแซมเสมอ เขื่อนของบีเวอร์ช่วยป้องกันมันจากสัตว์กินเนื้อตัวใหญ่ ๆ เช่น หมี และ เสือภูเขา เพราะมันจะสร้างกระท่อมอยู่กลางน้ำ เป็นกระท่อมที่มีทางเข้าออกอยู่ใต้น้ำ มันทำงานและสะสมอาหารตลอดฤดูใบไม้ร่วง พวกมันจึงไม่ต้องจำศีล เพราะในกระท่อมของมันมีอาหารสะสมอยู่มากมาย เพียงพอสำหรับฤดูหนาว

4. นกเมกะโป (Megapo Bird : แปลว่า นกเท้าใหญ่)


อยู่ในป่าเขตร้อนของทวีปออสเตรเลียและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มันทำงาน 11 เดือนในหนึ่งปี พวกตัวผู้ใช้กรงเล็บคุ้ยเนินดินขนาดใหญ่ ขนย้ายดินหนักกว่า 100 ปอนด์ทุกวัน เพื่อสร้างรังใต้ความร้อนของพื้น พวกมันต้องการอุณภูมิที่พอเหมาะสำหรับฟักไข่ พวกมันใช้จงอยปากในการวัดอุณหภูมิ ให้อุณหภูมิอยู่ราว 91 องศาฟาเรนไฮ ถ้ากองดินร้อนเกินไปมันจะเอาดินออกเพื่อระบายลม แต่ถ้าเย็นเกินไปพวกมันจะฝังไข่ลึกลงไปอีก กองดินของพวกมันวัดเส้นผ่านศูนย์กลางได้มากกว่า 50 ฟุต และหนักมากกว่า 50 ตัน หลังจาก 49 วันใต้ดิน ลูกนกก็จะหาทางขึ้นมาเหนือกองดินเอง พวกมันพร้อมที่จะดูแลตัวเอง และพ่อนกไม่ต้องห่วงเรื่องการดูแลลูก ๆ แต่เมกะโปก็ยังคงต้องรักษาเนินดินไว้เพื่อความพร้อมสำหรับการผสมพันธุ์ในฤดูหน้าด้วย

3. ปลาแรสส์ (The Cleaner Wrasse)


อยู่ตามแนวหินโสโครกทั่วโลก เป็นนักทำความสะอาด รับทำความสะอาดทั่วตัวปลาอื่น ๆ มันทำงานเฉพาะตอนกลางวัน แต่ทำทุกวัน ทำทั้งปี ไม่มีวันหยุด มันไม่ได้ทำงานฟรี เพราะมันกินสัตว์เล็ก ๆ น่ารำคาญบนปลาตัวอื่น ในแต่ละวันเจ้านักทำความสะอาดแรสส์จะได้กินปรสิตมากกว่าพันตัว ถือเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัย แม้แต่ปลาที่ดุร้ายก็ไม่กินปลาแรสส์ เพราะต้องการทำความสะอาดตัวเอง มันแทบไม่เคยถูกปลาที่มาใช้บริการกินเลย แต่ถ้ามันรู้สึกถึงอันตราย มันก็จะสั่นครีบหางเพื่อเตือนว่า “ชั้นมาทำความสะอาดให้นะ” แต่เมื่อพระอาทิตย์ตก พวกมันก็จะเลิกทำงานและเข้านอน

2. มดตัดใบไม้ (Leaf Cutting Ant)


มันใช้เวลาทุกชั่วโมงของทุกวันผลิตอาหาร พวกมันแบ่งงานกันทำ มดงานที่มีจำนวนมากที่สุดมีหน้าที่เก็บใบไม้ โดยการกัดและตัดใบไม้แล้วขนกลับรัง พวกมันสามารถทำให้ต้นไม้ใบโกร๋นได้ภายในชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว แต่พวกมันกินใบไม้พวกนั้นทันทีไม่ได้ เพราะระบบย่อยอาหารของมันย่อยใยอาหารจากพืชไม่ได้ มันต้องส่งต่อไปทำการแปรรูปก่อน โดยมดอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีขนาดเล็กกว่ามดงาน พวกมันจะเคี้ยวใบไม้ผสมกับน้ำลายและมูลของมด จากนั้นจะถูกเก็บรวบรวมโดยมดชาวสวนซึ่งคอยดูแลอาหารเหล่านั้น ไม่นานจะมีเชื้อราขึ้นมาบนใบไม้ที่เคี้ยวแล้ว และราก็คืออาหารของมดทั้งอาณาจักร สุดท้ายมดที่ตัวเล็กที่สุด เรียกมดผู้ดูแล จะเก็บเกี่ยวเชื้อราที่ได้ไปแจกจ่ายทั่วอาณาจักรมด ถึงพวกมันจะดูเหมือนทำงานอยู่ตลอดเวลา แต่จากการศึกษาก็พบว่าพวกมันยังมีการผลัดเวรบ้าง มันก็เลยได้อยู่ในอันดับที่ 2

1. ผึ้ง (Bee)


มันทำงานตั้งแต่นาทีแรกที่เกิดมา และทำงานทั้งวันทั้งคืน ทำงานตลอดเวลา ทำงานตลอดชีวิตจนกว่ามันจะตาย แม้แต่ผึ้งนางพญาที่ดูเหมือนจะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีก็ยังต้องทำงานตลอดเวลา นั่นคือการวางไข่ทุก ๆ นาที ซึ่งเป็นไข่มากกว่าปีละ 200,000 ฟอง มันจะทำอย่างนั้นอยู่ประมาณ 5 ปีก่อนที่มันจะตาย และผึ้งงานที่ออกจากไข่มาก็เริ่มงานของมันทันทีโดยการทำความสะอาดรอบ ๆ รวงผึ้ง จากนั้น 2-3 วัน ผึ้งงานจะผลิตไขจากตอนล่างของส่วนท้องเพื่อใช้สร้างหรือซ่อมแซมรัง อีกระยะหลังจากนั้นมันจะต้องเฝ้ารัง ป้องกันศัตรู และผลิตน้ำผึ้ง สุดท้ายเมื่ออายุราว 3 สัปดาห์ ผึ้งงานจะต้องบินออกไปหาน้ำหวาน มันต้องทำงานทุกอย่างภายใน 35 วัน ก่อนที่มันจะตาย และพวกมันไม่มีวันเกษียรอายุ ในการทำน้ำผึ้ง 1 ปอนด์ ผึ้งจะต้องไปแวะที่ดอกไม้มากกว่า 2 ล้านดอก เมื่อรวมระยะทางเข้าด้วยกัน ผึ้งได้บินไปกลับมากกว่า 10 ล้านเที่ยว เป็นระยะทางมากกว่า 5 หมื่นไมค์ เท่ากับระยะทางรอบโลก 2 รอบ เลยทีเดียว

ที่มา http://mcpswis.mcp.ac.th

วันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

10 อันดับสัตว์นักล่าที่อันตรายที่สุดในโลก .

10.สุนัขป่าแอฟริกา (painted hunting dogs)

ด้วยการทำงานเป็นทีม และสัญชาตญาณนักล่าของสุนัขนักล่าพันธุ์นี้ นี่คือสัตว์ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นนักล่าที่เรียบง่ายที่สุดในโลก แต่ประสบความสำเร็จมากที่สุดเช่นกับ เพราะไม่มีว่าเหยื่อของมันจะตัวใหญ่แค่ไหน หรืออันตรายเพียง หากสุนัขทั้งฝูงพร้อมใจกันล่าแล้วละก็ ไม่มีอะไรที่มันล้มไม่ได้
9.เหยี่ยวเพเรกริน (peregrine falcon)

ด้วยรูปร่างและกรงเล็บของเหยี่ยวชนิดนี้อาจดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่เมื่อนำมารวมกับความเร็วถึง 322 กม./ชม. นี่คือนักล่าที่เร็วที่สุดในโลกและล่าเหยื่อในที่โล่ง โดยที่เหยื่อไม่มีทางรู้ตัวและตายจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว

8.กั้ง (spear mantis shrimp)

ที่มันได้ชื่อว่า"mantis shrimp"เพราะรูปร่างของมันผสมผสานกันระหว่างกุ้งกับตั๊กแตนตำข้าว กั้งเป็นสัตว์ที่มีเปลือกเต็มไปด้วยหนามที่มีส่วนปลายเป็นเงี่ยงไว้ทิ่มแทง เป็นอุปสรรคสำหรับสัตว์ที่คิดจะล่ามัน แถมยังมีลูกตุ้มคู่หน้าที่สามารถทุบเปลือกหอยและกระดองปูให้แตกในการทุบครั้งเดียว

7.งูซอว์สเกลด์ไวเปอร์ (saw-scaled viper)

เป็นงูขนาดเล็ก แต่โกรธง่ายมาก ในประเทศอินเดียมันฆ่าผู้คนมากมายกว่างูพิษชนิดอื่นที่มีขนาดใหญ่กว่าเสียอีก เพราะมันมักซ่อนตัวอยู่รอบๆ ที่อยู่อาศัยของผู้คน และกัดโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ

6.แบ็ตเจอร์น้ำผึ้ง (honey badger)

ลืมขนนุ่มๆ และลายน่ารักบนตัวของมันไปได้เลย เพราะนี่คือสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ก้าวร้าวอย่างที่สุด แบ็ตเจอร์เป็นสัตว์ชนิดเดียวที่พร้อมจะสู้กับสิงโตทั้งฝูงอย่างไม่กลัวตัว และเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์แล้ว แบ็ตเจอร์จัดว่ามีกรามที่แข็งแรงมากๆ จนมันได้รับการขนานนามจากกินเนสส์บุคเมื่อหลายปีก่อนว่าเป็นสัตว์ที่มีความกลัวน้อยที่สุดในโลก

5.งูแบล็คแมมบ้า (black mamba)

ด้วยรูปร่างที่ผอมบาง มันอาจไม่ใช่งูที่แข็งแกร่งที่สุด แต่แบล็คแมมบ้ากลับมีระยะการโจมตีที่ไกลหลายเมตร และแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญพิษของมันยังสามารถแล่นเข้าสู่ร่างของเหยื่อได้รวดเร็วที่สุด ด้วยความสามารถในการอัดฉีดพิษจากเขี้ยวของมัน จึงไม่ต้องแปลกใจเลย ถ้างูชนิดนี้จะเป็นที่หวั่นเกรงของผู้คนทั่วโลก

4.จระเข้น้ำเค็ม (sal-er crocodile)

จัดเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งบางตัวสามารถยาวได้ถึง 4 เมตร และด้วยนิสัยขี้โมโห ห่วงอาณาเขต ทำให้มันพร้อมที่จะฆ่าสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์ ที่พลัดหลงเข้าไปในอาณาเขตของมัน แม้มันจะไม่หิวก็ตาม

3.ฮิปโปโปเตมัส (hippopotamus)

คุณอาจคิดว่าเจ้าสัตว์ตัวอ้วนกลมอย่างฮิปโปจะไม่มีพิษภัยอะไร กรุณาคิดซะใหม่ เพราะฮิปโปเป็นสัตว์ที่เอาแน่เอานอนทางอารมณ์ไม่ได้เลย มันอาจจะนอนแช่น้ำอยู่นิ่งๆ ก้จะวิ่งพรวดขึ้นมาไล่กัดคุณแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยก็ได้ และด้วยเขี้ยวคู่หน้าที่ยาวกว่า T-rax สองเท่า แถมอยู่ในปากขนาดมหึมา รับรองว่าอะไรก็ตามที่โดนมันกัด จะหมดทางรอดทันที ที่สำคัญสถิติการฆ่าคนในแอฟริกาของฮิปโปต่อปีนั้น มากกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ รวมกันเสียอีก

2.ฉลามเสือ (tiger shark)

ขึ้นชื่อว่าฉลามก็น่ากลัวพออยู่แล้ว ยิ่งเป็นฉลามเสือที่เป็นนักล่าขนาดใหญ่เป็นอันดับสองรองจากฉลามขาวด้วยแล้ว ยิ่งทวีความน่ากลัวเป็นสองเท่า แม้ว่ามันจะไม่นิยมทำร้ายมนุษย์เท่าไหร่ แถมยังมีสถิติการทำร้ายน้อยกว่าฉลามอีกหลายชนิด แต่ในท้องทะเลสีครามนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ฉลามเสือเขมือบไม่ได้ เพราะมันจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่ถังน้ำมัน และเศษขยะต่างๆ ที่ลอยอยู่กลางทะเล

1.เต่าอัลลิเกเตอร์ (Alligator snapping turtle)

ขึ้นชื่อว่าเต่าอาจดูไม่น่ากลัวเท่าไหร่ แต่นั่นใช้ไม่ได้กับเจ้าเต่าที่มีขนาดตัวยาวกว่า 1 เมตร และอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา โดยจมตัวเองอยู่ตามซากใบไม้ อ้าปากที่คมราวกับใบมีดและแข็งแรงยิ่งกว่าคีมตัดเหล็ก ฉะนั้นอะไรก็ตามที่หลุดเข้ามาในระยะการงับของมันละก็ เตรียมลาโลกได้เลย

...ที่มา http://sz4m.com/b3881792
https://www.siamzone.com

10 อันดับสัตว์ที่ฉลาดที่ในโลก

10. นกพิราบAnimals-Intelligent10

นกพิราบสามารถจดจำภาพได้หลายร้อยภาพแม้จะผ่านไปหลายปีก็ตาม
มันรู้ว่าเงาที่สะท้อนในกระจกเงา คือตัวมันเอง มันสามารถเรียนรู้ภาษาอังกฤษ
และแยกแยะความแตกต่างของมนุษย์ได้จากภาพถ่าย

9. กาAnimals-Intelligent9

กาสามารถเรียนรู้หลักพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ได้ เช่น การเพิ่มของแข็งลงในน้ำ
เพื่อให้ระดับทะเลสูง และใช้กิ่งไม้ทำเครื่องมือบางอย่างเพื่อให้ผ่านการทดสอบ
ความฉลาดของมันเท่ากับเด็ก7ขวบ

8. หมึกยักษ์Animals-Intelligent8

หมึกยักษ์เป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก จนประเทศอังกฤษจัดให้มันอยู่ในกฏหมายคุ้มครองสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
มันมีความสามารถในการว่ายน้ำและเทคนิคการล่าอีกด้วย

7. สุนัขAnimals-Intelligent7

สุนัขเป็นสัตว์ที่เข้าใจมนุษย์โดยธรรมชาติ มันเข้าใจสังคม ความผูกพันธ์และมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่เลี้ยงดูมัน
มันเป็นสัตว์ที่ฉลาดและมนุษย์สามารถฝึกฝนมันได้

6. หนูAnimals-Intelligent6

หนูเป็นสัตว์ที่มีประสาทสัมผัสไวมาก มันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มียีนส์ที่ใกล้เคียงกับมนุษย์
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่หนูโดนจับไปทดลอง นอกจากนี้มันยังเรียนรู้ได้เร็วและหาเส้นทางหลบหนีได้เก่งสุดๆ

5. แกะAnimals-Intelligent5

แกะเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างฉลาด พวกมันสามารถแยกแยะใบหน้าที่แตกต่างกัน
และจดจำได้ถึง2ปี รวมถึงการเรียนรู้สีขั้นพื้นฐานที่มีเฉพาะมนุษย์กับลิงเท่านั้นที่ทำได้

4. นกแก้วAnimals-Intelligent4

นกแก้วสามารถเรียนแบบการพูดของมนุษย์ได้ แต่นกแก้วสีเทาแอฟริกันสามารถโยงคำ
และเชื่อมประโยคที่มีความหมายง่ายๆได้

3. ปลาโลมาAnimals-Intelligent3

โลมามีขาดสมองเทียบกับลำตัวแล้วใหญ่มาก ภายในสมองมีความซับซ้อน
มีความจำในการเรียนรู้เป็นอย่างดี มีการรับกลิ่นที่ดี รวมถึงการมองเห็นและการได้ยิน

2. ช้างAnimals-Intelligent2

ช้างสามารถรับรู้ตัวเองที่สะท้อนจากกระจกได้ สมองของช้างใหญ่ที่สุดในบรรดาสัตว์บกด้วย
ช้างมีการได้ยินที่ยอดเยี่ยมมันใช้หูและงวงในการรับเสียง และยังมีความเป็นศิลปะสูง

1. ชิมแปนซีAnimals-Intelligent1

พวกมันสามารถเรียนรู้ และแก้ปัญหาได้คล้ายกับมนุษย์ และมีความจำดีกว่าสัตว์ชนิดอื่น
ในการศึกษายีนของชิมแปนซี พบว่า DNA ของชิมแปนซี คล้ายDNA มนุษย์ ถึง 98%
นักประวัติศาสตร์คาดว่า ชิมแปนซีและคนเริ่มวิวัฒนาการแยกจากกัน เมื่อ6-4ล้านปีก่อน
ที่มาhttp://www.zestza.com/